นายธีรนัย โสตถิปิณฑะ เลขาธิการสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) กล่าวว่า การเติบโตของตลาดหนังสือไทยยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง สอดคล้องกับผลสำรวจในโครงการวิจัยพฤติกรรมการอ่านและการซื้อหนังสือของคนไทย ในปี 2567
ซึ่งสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ร่วมกับคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทุกเพศวัยจำนวน 2,550 คนทั่วประเทศ อายุตั้งแต่ 12-50 ปี ระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2567 พบว่า คนไทยมีพฤติกรรมการอ่านรวมทุกกลุ่มอายุเฉลี่ย 113 นาที ต่อวัน หรือเกือบ 2 ชั่วโมงต่อวัน
“เดิมเราเคยคิดว่ากลุ่มเด็กจะนิยมอ่านอีบุ๊คมากกว่าหนังสือรูปเล่ม แต่จากผลสำรวจกลับพบว่ากลุ่มที่อ่านอีบุ๊คมากกว่า กลับเป็นผู้ใหญ่ เพราะสายตายาว ซึ่งอีบุ๊กสามารถขยายตัวหนังสือทำให้อ่านง่ายขึ้น จากผลงานวิจัยการอ่านจากประชาชนทั่วประเทศ ทำให้พบข้อมูลใหม่ว่าคนไทยไม่ได้อ่านหนังสือแค่ 8 บรรทัดอีกต่อไป” นายธีรนัยกล่าว
โดยสัดส่วน 45% เป็นการอ่านทุกวัน โดยกลุ่มอายุ 12-19 ปี อ่านตำราเรียนและคู่มือเตรียมสอบในสัดส่วนที่สูงถึง 72% ส่วนอายุ 20-29 ปี, อายุ 30-39 ปี และอายุ 40-49 ปี อ่านหนังสือพัฒนาตัวเองสูงที่สุดในสัดส่วน 52%, 57% และ 51% ตามลำดับ ส่วนกลุ่ม 50 ปีขึ้นไป 58% อ่านหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม พบว่าทุกกลุ่มอายุเลือกอ่านหนังสือรูปเล่มในสัดส่วนที่สูงถึง 50% และอีบุ๊ค 47% แต่เมื่อแยกเป็นรายกลุ่มกลับพบว่า กลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไปเลือกอ่านหนังสือผ่านอีบุ๊คสูงถึง 58% เนื่องจากสามารถขยายตัวหนังสือได้ รวมทั้งมีความสบายตาในขณะอ่านและ 38% เป็นการอ่านในรูปเล่มคำพูดจาก JOKER123 สล็อตเว็บตรง
ส่วนกลุ่มอายุ 40-49 ปี อ่านหนังสือและอีบุ๊คในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 48% กลุ่มอายุ 30-39 ปี อ่านหนังสือรูปเล่ม 54% และอีบุ๊ค 43% กลุ่มอายุ 20-29 ปี อ่านรูปเล่ม 51% และอีบุ๊ค 47% ในขณะที่อายุ 12-19 ปีเลือกอ่านหนังสือรูปเล่มและอีบุ๊ค ในสัดส่วน ใกล้เคียงกันคือ 47% และ 48%
สำหรับงานสัปดาห์หนังสือฯ ครั้งที่ 52 เรียกได้ว่าปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ ตลอดการจัดงาน 12 วัน นักอ่านทะลัก 1.3 ล้านคน ดันยอดขายทะลุ 400 ล้านบาท
โดยนายสุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 52 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 22 ได้รับการสนับสนุนจากสำนักพิมพ์ 322 แห่ง จำนวนบูธรวม 914 บูธ หนังสือมากกว่า 1 ล้านเล่ม ซึ่งเป็นหนังสือปกใหม่มากกว่า 3,000 ปก ขณะที่มีผู้เข้าชมงานทั้งคนไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้างานทุกวัน ทำให้บรรยากาศการเลือกซื้อหนังสือเป็นไปอย่างคึกคัก ส่งผลให้โดยรวมแล้วมีผู้เข้าร่วมงานทั้งสิ้น 1.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 10%
สวนทางกับเศรษฐกิจที่ชะลอลง สะท้อนพฤติกรรมการอ่านของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยหนังสือที่รับความนิยมสูงสุดยังคงเป็น หนังสือนวนิยายและวรรณกรรมสัดส่วน 38% โดยหนังสือวายทุกประเภทเนื้อหา ได้รับความนิยมสูงสุด 21% รองลงมาคือหนังสือการ์ตูนและไลท์โนเวล 21% และหนังสือประเภทเสริมทักษะ (How to) 18% หนังสือเด็กและคู่มือการเรียน 13% และหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพ 10%
เราเองมีแนวโน้มที่จะขยายพื้นที่ขายหนังสือออกไปอีกในอนาคต เพราะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยดูได้จากความสำเร็จในงานนี้ทั้งในแง่ของผู้ร่วมงานและยอดขาย เป็นปัจจัยสำคัญต่อการผลักดันให้มูลค่าตลาดหนังสือไทยในปีนี้แตะระดับ 17,000 ล้านบาท และพิสูจน์ว่าคนไทยอ่านหนังสือมากกว่า 8 บรรทัดต่อปี